แมววิลาศตัวจริง ไม่ได้มีแต่ในตำนาน แมวไทยที่เคยสูญหายกลับมาอีกครั้ง





การกลับมาของแมววิลาศ


แมววิลาศ
แมววิลาศจัดอยู่ในกลุ่มแมวไทยที่สูญหายไปแล้ว 12 ชนิด

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแมวไทยในตำราสมุดข่อยโบราณมีอยู่17ชนิด สูญหายไปแล้ว12ชนิด เหลืออยู่ในปัจจุบันเพียง5ชนิดเท่านั้น แบ่งเป็นแบบสายพันธุ์4ชนิด คือ 1.แมววิเชียรมาศ 2.แมวดำโกนจา 3.แมวมาเลศหรือแมวสีสวาด 4.แมวศุภลักษณ์ และแบบลักษณะอีก1ชนิดคือแมวแซมเสวตร ซึ่งไม่ใช่สายพันธุ์แต่อย่างใด แต่คือแมวป่วยเป็น Fever coat เมื่อหายก็จะกลับมาเป็นแมวดำโกนจาปกติ (คลิก เพื่ออ่านแมวแซมเสวตร)

ส่วนแมววิลาศนั้นจัดอยู่ในกลุ่มแมวที่สูญหายไปแล้วทั้ง12ชนิด นับจากการเสียกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ.2310 แมวไทยหลายๆชนิดก็หายสาบสูญไปพร้อมกับตำราที่โดนเผาช่วงสงคราม เหลือเพียงบันทึกอยู่ไม่กี่ฉบับที่ส่งต่อมายังกรุงรัตนโกสินทร์ 

เอกสารทางพงศาวดารเก่าๆอ้างอิงถึงแมวไทยมงคลไว้ 17 ชนิด บางตำราถูกเขียนรวมกับตำราช้างคชลักษณ์, ตำราม้า, ตำรายา, และตำราสงคราม แต่ข้อมูลแมวไทยทั้ง17ชนิดนั้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่าแบบใดคือสายพันธุ์ และแบบใดเป็นลวดลายที่บังเอิญกันแน่ มีเพียงแมวแซมเสวตรที่พึ่งจะทราบกันว่ามันไม่ใช่สายพันธุ์แต่คือลักษณะทางกายภาพของแมวป่วยเท่านั้น

ตำราที่เก่าแก่จริงๆจะมีแต่บทความ ไม่ได้วาดรูป หรือหลายๆตำราที่วาดรูปกลับวาดรูปไว้แตกต่างกันและข้อความที่ต่างกัน เราใช้เพียงบางตำรามากำหนดกฎเกณฑ์ของแมวไทยเท่านั้น ตำราที่เริ่มผุพังและอ่านไม่ออกมักจะถูกมองข้ามเสมอ

ตำราแมวที่ ๒๔๙ ของสมเด็จพระราชปิตุลา ฯ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5-6 

ในปัจจุบัน (พฤษภาคม 2560) เราสามารถเก็บสถิติการค้นพบแมววิลาศได้ถึง10ตัวเท่านั้น แต่ทั้งหมดก็ยังไม่ใช่แมววิลาศแท้สักทีเดียว เพราะยังขาดลักษณะเด่นตามตำราอีกหลายลักษณะ หรือพูดง่ายๆว่าแมวที่เจอทั้ง10ตัว ยังมีความเหมือนแค่ 50% เท่านั้น อาจเป็นเพราะแมววิลาศของแท้ได้สูญพันธุ์ไปนานแล้ว ที่เราพบเจอกันอาจจะแค่เชื้อสายบางๆที่ผสมปนเปรอกับแมวชนิดอื่นๆมา แมววิลาศในตำราสมุดข่อยเป็นแมวที่มีความสวยงามที่สุด และมีลักษณะลวดลายทางกายภาพมากที่สุดกว่าแมวไทยชนิดอื่นๆอีกด้วย หลายๆตำราจะวาดแมววิลาศไว้ตัวแรกเลย ซึ่งถ้าใครไม่เคยเห็นแมววิลาศตัวจริงมาก่อนก็คงจะอุทาน "แมวแบบนี้มันจะมีจริงๆหรอวะ ? เค้าคงจะวาดเกินเลยให้เป็นงานศิลปะละมั้ง ?" และแน่นอนว่าถ้ามันมีจริงๆ หลายคนก็ต้องคิดว่าน่าจะเป็นพันธุ์ที่ตามกลับมายากที่สุด เพราะมันพิสดารที่สุดจะไปหาแมวแบบนี้มาจากไหน ? และอีกหลายๆคนให้ % การกลับมาเป็น 0 ถึงขั้นติดลบเลยก็มี เพราะแมววิลาศมันวิจิตรพิสดารจริงๆ

แต่ในช่วงน้ำท่วมใหญ่ปี พ.ศ.2554 กลับพบแมวตัวหนึ่งคล้ายแมววิลาศหนีน้ำท่วมขึ้นไปอยู่บนที่สูงในแถบที่ราบภาคกลาง ในช่วงนั้นคนยังไม่ค่อยเล่น Facebook กัน ประกอบกับน้ำท่วมใหญ่ ประชาชนเดือดร้อนกันถ้วนหน้าใครจะมาสนใจแมว และที่สำคัญในโลก Social ก็มีแต่ข่าวน้ำท่วมเต็มฟีดไปหมด คิดกันคร่าวๆว่าข่าวน้ำท่วมกลบทุกกระแสในสังคมกันเลยทีเดียว กว่าน้ำจะลด กว่าจะแก้ปัญหากันเสร็จ ติดพันการเมืองอีก เพราะฉะนั้นแมววิลาศที่ได้รับการแจ้งเบาะแสมาดับหายสนิทตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เพราะหลังจากที่ได้รับภาพมาก็ตามหากันไม่เจออีกเลย ไม่ทราบแม้ว่าอยู่จังหวัดใด ใครเลี้ยง ถ่ายที่ไหน หรือแม้กระทั่งว่าภาพนี้มาจากน้ำท่วมจริงหรือไม่ ฯลฯ  แมววิลาศตัวที่1จึงเป็นปริศนาจนทุกวันนี้
แมววิลาศตัวที่ 1 ที่ได้รับแจ้งเบาะแสมา และเป็นแมววิลาศตัวแรกของไทยที่ค้นพบ

ปีต่อมาพ.ศ.2555 ก็ได้มีผู้แจ้งข่าวมาทาง Facebook ว่าพบแมวคล้ายแมววิลาศอีก1ตัว มีภาพนี้เพียงภาพเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่ทราบอีกว่าแมวเป็นของใคร รู้เพียงว่าชื่อเจ้าสายฟ้า แต่เมื่อนำภาพแมวไปเทียบลายกับแมววิลาศตัวที่1แล้วทุกคนให้ความเห็นเดียวกันว่า น่าจะคนละตัว ดังนั้นจึงตั้งข้อสันนิฐานว่านี่คือแมววิลาศตัวที่2ของไทย แต่จนปัจจุบันก็ไม่ได้รับข้อมูลของแมววิลาศทั้ง2ตัวอีกเลย
แมววิลาศตัวที่ 2

หลังจากข่าวการพบแมววิลาศตัวที่2เมื่อปี พ.ศ.2555 ก็ลากยาวมา3-4ปีเลยทีเดียว เพราะแมววิลาศตัวที่3เพิ่งจะมาค้นพบเมื่อปีใหม่เดือนมกราคม พ.ศ.2559 นี้เอง นับเป็นเรื่องบังเอิญที่สุด เพราะก่อนหน้านี้เราไม่เคยพูดถึงแมววิลาศกันมาอีกเลย แมววิลาศตัวที่3นับเป็นแมวตัวแรกที่สามารถเก็บข้อมูลได้ครบ เป็นแมวจากจังหวัดอุทัยธานี แถววัดท่าซุง เพศผู้ ซึ่งแอดมินเพจแมวสยามเป็นคนไปพบเสียเอง จากที่ทราบคือเป็นแมวในหมู่บ้านทั่วไปไม่ได้เลี้ยงกักขังไว้ในบ้าน แมวตัวนี้ไล่จับนกจับหนูตามปกติ แต่ช่วงที่เจอแมววิลาศตัวที่3นั้นแมวกำลังจับนกกิน จึงสามารถถ่ายภาพได้เท่านี้ และแมวก็คาบนกหนีไปเลย เมื่อถามคนละแวกนั้นเขาบอกแมวไม่มีเจ้าของ แต่มีคนให้อาหารบ่อยเพราะละแวกนั้นเป็นร้านขายอาหารใกล้วัดแห่งหนึ่ง แต่ช่วยที่เจอเป็นช่วงปีใหม่หยุดยาว จึงตัดสินกลับกันมาก่อนเพราะรอแมวออกมาไม่ไหว แต่เมื่อกลับไปอีกครั้ง แมวตัวนี้กลับโดนย่าเบื่อตายเสียแล้ว 
แมววิลาศตัวที่ 3

แมววิลาศตัวที่ 4 เป็นแมววิลาศที่แปลกกว่าใครพวก เพราะเป็นแมวลายเสือสีน้ำตาล แต่ลักษณะลายสีขาวแต้มเจือคล้ายแมววิลาศในตำรา แมวตัวนี้เป็นเพศผู้ทำหมันแล้ว ของคุณ Rayko จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพิ่งได้รับแจ้งข้อมูลมาเมื่อปีใหม่ 2559 นี้เอง เป็นแมวที่ลักษณะคล้ายแมววิลาศตัวเดียวที่มาจากพระนครศรีอยุธยาเมืองหลวงเก่าของไทย 
แมววิลาศตัวที่ 4

แมววิลาศตัวที่ 5 ชื่อน้องดำ เป็นแมวที่มีลักษณะคล้ายแมววิลาศเพศเมีย พิกัดจังหวัดชลบุรี แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียใจเพราะแมวหายออกจากบ้านไปนานนับปีแล้ว ต้นตอของแมวตัวนี้เดิมนั้นมาจากจังหวัดนครสวรรค์ แถวบ้านกลางแดด เป็นแมวของคุณ สุดท้ายคนที่ไว้ใจ ร้ายที่สุด


แมววิลาศตัวที่ 5 
แมววิลาศตัวที่ 5

แมววิลาศตัวที่ 6 เป็นแมวในมหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก เป็นเพศผู้ ชื่อบราโว่ ปัจจุบันทำหมันแล้ว ได้ภาพมาจากคุณ Bell Balabuom
แมววิลาศตัวที่ 6

แมววิลาศตัวที่ 7 เป็นแมวจากภาคเหนืออยู่ที่อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ชื่อพุงโต เพศผู้ ทำหมันแล้ว ของคุณ Ployrawee Joy
แมววิลาศตัวที่ 7

แมววิลาศตัวที่ 8 เป็นแมววิลาศจากภาคเหนืออีกเช่นกัน ของคุณ Sirorat Funtem ชื่อมีมี เพศเมีย ยังไม่ทำหมัน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
แมววิลาศตัวที่ 8

แมววิลาศตัวที่ 9 เป็นแมววิลาศที่แตกต่างจากแมววิลาศของทุกๆตัว เนื่องจากมีลักษณะที่ไม่เหมือนกัน แมววตัวที่ 9 นั้นมีลักษณะคล้ายกับแมวในตำราของวัดอรุณ คือมีรอบคอสีขาว ใส่ถุงเท้ายาวกว่าแมววิลาศทั่วไป และเป็นตำราเดียวที่มีแมววิลาศแยกออกไปอีกชนิด เป็นของของพระท่านหนึ่งในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ แมวเป็นเพศผู้
แมววิลาศตัวที่ 9

แมววิลาศตัวที่ 9 ตรงกำตำราวัดอรุณฯ ใส่ถุงเท้ายาวถึงท้อง และมีรอบคอขาว

แมววิลาศตัวที่ 9

ตำราแมววิลาศและแมวขาวมณี วัดอรุณราชวราราม เป็นตำราแมวที่มีความเก่าแก่ฉบับหนึ่งของไทย และที่พิเศษไปกว่านั้นคือมีแมวหลายตัว ในกลุ่มของแมววิลาศนั้นมี 4 ตัว และเป็นตำราแมวเดียวของประเทศไทยที่มีแมวขาวมณี ในขณะนี้ ปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร
ตำราแมววัดอรุณ ฯ

แมววิลาศตัวที่  10 เป็นแมววิลาศตัวแรกที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร เป็นแมวจรอยู่แถวซอยสันติภาพ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร เจอครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2560 คาดว่าเป็นเพศผู้
แมววิลาศตัวที่ 10

เอกลักษณ์ของแมววิลาศที่เจอ สิ่งที่เหมือนกันคือ

  1. หางจะต้องมีสีขาว 
  2. ใส่ถุงเท้าค่อนข้างเท่ากัน และใส่เท้ามีลักษณะสวย
  3. มีเส้นกลางหลังในแนวตรงอย่างเห็นได้ชัด
  4. หน้าใบโพธิ์ขาว หรือมีเส้นขาวที่จมูก
  5. หน้าผากแด่น เป็นช่องว่างสีดำระหว่างหน้าขาว และเส้นหลังขาว 
แต่สิ่งที่ยังขาดไปอย่างเห็นได้ชัดเลยคือ ใบหูสีขาว ยังไม่มีแมวตัวใดใบหูสีขาวทั้งใบหู ซึ่งลักษณะแบบนี้มีในทุกตำรา รวมถึงเส้นหลังสีขาวกับหางสีขาวนั้นจะต้องเป็นลายติดต่อกัน แต่ก็ยังหาได้ยากในแมวที่เจอในปัจจุบัน





ความคิดเห็น

  1. ชอบเลี้ยงแมวไทยมากเลยครับ น่ารักขี้อ้อน นิสัยดี ไม่ค่อยมาวุ่นวายกะเรามากนัก

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น